ข้อมูลเบื้องต้น
1.บ้านผมอยู่เขต จ.ปทุมธานี ในหมู่บ้านจัดสรร ใช้น้ำประปาเลี้ยง
2.บ่ออยู่ทิศตะวันออกของตัวบ้าน เช้ารับแสงเต็มที่ถึงเที่ยง
3.มีรางรองรับน้ำฝนจากหลังคาไม่ให้ลงบ่อ
4.รอบบริเวณมีต้นไม้ใหญ่รอบบ้านอากาศเย็นสบาย
5.บ่อกรองมีขนาด1ใน3 ของบ่อเลี้ยง
6.บ่อเลี้ยงลึก2.00เมตร แต่ใส่น้ำ1.80เมตร
7.บ่อเลี้ยงกว้างเพียง2เมตร ยาว6เมตร รูปทรงฟรีฟอร์มตามสภาพพื้นที่
8.บ่อเลี้ยงมีพื้นลาดเอียง 1:20 เพื่อให้ตะกอนลงสะดือบ่อ100%
9.สะดือบ่อใช้ขนาดใหญ่สุดที่มีขาย แต่ท่อใช้PVC4นิ้วส่งตะกอนไปบ่อกรอง
บ่อปลาคราฟที่บ้าน
บ่อขนาดเล็กข้างบ้านริมทางเดิน
ใช้เลี้ยงปลาคราฟเล็กและปลาทอง
ใช้ระบบเดียวกันกับบ่อใหญ่
ที่เห็นพื้นไม้นั่งเล่นคือฝาบ่อกรอง
ที่เห็นฝาไม้คือบ่อกรอง
วิธีเลี้ยงขอแยกเป็น 2 หัวข้อดังนี้
1.การทำงานของระบบ
2.การดูแลปลาและระบบ
การทำงานของระบบ
1. ตะกอนในบ่อจะไหลเวียนตามลาดท้องบ่อและจากแรงดันน้ำลงสู่สะดือบ่อ
2.ตะกอนหยาบหรือหนักจะตกตะกอนในบ่อพักตะกอน(บ่อ1)
3.น้ำจากบ่อ1ไหลเข้าบ่อเลี้ยงแบคทีเรียเพื่อย่อยสลายอินทรีสารที่แขวนลอยในน้ำ(บ่อ2)
4.น้ำจากบ่อ2ไหลเข้าบ่อกรองหยาบ(บ่อ3)แล้วผ่านไปบ่อกรองละเอียด(บ่อ4) ในขั้นตอนบ่อ2,บ่อ3และบ่อ4 ต้องเติมออกซิเจนเพื่อการเจริญเติบโตของแบคทีเรียในการย่อยสลาย ระวังแบคทีเรียที่ใช้ในระบบเป็นชนิดที่ใช้O2 เท่านั้น
5.น้ำจากบ่อ4ไหลเข้าบ่อน้ำดี(บ่อ5)เพื่อสูบออกไปยังบ่อเลี้ยง
6.น้ำจากบ่อ5สามารถสูบและปล่อยสู่บ่อเลี้ยงได้หลายรูปแบบให้ผลต่อออกซิเจนในบ่อและกำลังการไหลของตะกอนในบ่อต่างกัน นอกจากนี้ยังส่งผลต่อกระแสน้ำซึ่งจำเป็นสำหรับการว่ายออกกำลังตามธรรมชาติของปลาอีกด้วย
6.1 สูบปล่อยเป็นน้ำตก จะได้ออกซิเจนมาก แต่กระแสน้ำไม่แรงมาก ต้องเพิ่มการไหลเวียนของกระแสโดยเพิ่มปั้มอีกตัว
6.2 สูบปล่อยเป็นน้ำพุ ฮวงจุ้ยดี แต่ปลาไม่ชอบ เพราะ ออกซิเจนที่เกิดจากการตกกระทบของน้ำน้อย การไหลเวียนของกระแสเบามากปลาไม่ได้ว่ายทวนน้ำตามธรรมชาติ การไหลเวียนตะกอนไม่ดี ต้องเพิ่มปั้มเพื่อสร้างกระแสน้ำและเพิ่มออกซิเจนในบ่อให้เพียงพอ
6.3 สูบปล่อยมุมประมาณ45องศาในที่สูงได้ออกซิเจนมาก กระแสน้ำไหลเวียนดี การไหลของตะกอนดี
6.4 สูบปล่อยระบบJETได้ออกซิเจนมาก การไหลของน้ำดี การไหลของตะกอนพอใช้
6.5 สูบปล่อยโดยแรงโน้มถ่วงของโลก(สูบปล่อยทิ้งธรรมดาทั่วไป)ใช้ช่วงสูบสั้น ดีในทุกด้านแม้จะไม่มีด้านใดดีที่สุดแต่ประหยัดค่าไฟ ประหยัดปั้ม ยืดอายุการใช้งานของปั้ม ดูแลง่าย
3.น้ำจากบ่อ1ไหลเข้าบ่อเลี้ยงแบคทีเรียเพื่อย่อยสลายอินทรีสารที่แขวนลอยในน้ำ(บ่อ2)
4.น้ำจากบ่อ2ไหลเข้าบ่อกรองหยาบ(บ่อ3)แล้วผ่านไปบ่อกรองละเอียด(บ่อ4) ในขั้นตอนบ่อ2,บ่อ3และบ่อ4 ต้องเติมออกซิเจนเพื่อการเจริญเติบโตของแบคทีเรียในการย่อยสลาย ระวังแบคทีเรียที่ใช้ในระบบเป็นชนิดที่ใช้O2 เท่านั้น
5.น้ำจากบ่อ4ไหลเข้าบ่อน้ำดี(บ่อ5)เพื่อสูบออกไปยังบ่อเลี้ยง
6.น้ำจากบ่อ5สามารถสูบและปล่อยสู่บ่อเลี้ยงได้หลายรูปแบบให้ผลต่อออกซิเจนในบ่อและกำลังการไหลของตะกอนในบ่อต่างกัน นอกจากนี้ยังส่งผลต่อกระแสน้ำซึ่งจำเป็นสำหรับการว่ายออกกำลังตามธรรมชาติของปลาอีกด้วย
6.1 สูบปล่อยเป็นน้ำตก จะได้ออกซิเจนมาก แต่กระแสน้ำไม่แรงมาก ต้องเพิ่มการไหลเวียนของกระแสโดยเพิ่มปั้มอีกตัว
6.2 สูบปล่อยเป็นน้ำพุ ฮวงจุ้ยดี แต่ปลาไม่ชอบ เพราะ ออกซิเจนที่เกิดจากการตกกระทบของน้ำน้อย การไหลเวียนของกระแสเบามากปลาไม่ได้ว่ายทวนน้ำตามธรรมชาติ การไหลเวียนตะกอนไม่ดี ต้องเพิ่มปั้มเพื่อสร้างกระแสน้ำและเพิ่มออกซิเจนในบ่อให้เพียงพอ
6.3 สูบปล่อยมุมประมาณ45องศาในที่สูงได้ออกซิเจนมาก กระแสน้ำไหลเวียนดี การไหลของตะกอนดี
6.4 สูบปล่อยระบบJETได้ออกซิเจนมาก การไหลของน้ำดี การไหลของตะกอนพอใช้
6.5 สูบปล่อยโดยแรงโน้มถ่วงของโลก(สูบปล่อยทิ้งธรรมดาทั่วไป)ใช้ช่วงสูบสั้น ดีในทุกด้านแม้จะไม่มีด้านใดดีที่สุดแต่ประหยัดค่าไฟ ประหยัดปั้ม ยืดอายุการใช้งานของปั้ม ดูแลง่าย
สูบปล่อยแบบน้ำตก
สูบปล่อย 45 องศา ได้ออกซิเจนมากและการไหลเวียนดี
สูบปล่อยแบบน้ำตกและใช้วิธีเพิ่มออกซิเจนช่วยด้วย
